Site icon บจก.ณรงค์ไมโครสปัน | ไมโครไพล์ | micropile แบบครบวงจร

รีวิวซื้อบ้านเดี่ยว 50 ตร.ว. ราคา 3.6 ล้าน ตั้งแต่ยื่นกู้จนตกแต่งเสร็จ

        ซื้อบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ราคาไม่เกินงบ 4 ล้าน พร้อมของแถมเพียบ รวมทั้งเทคนิคยื่นกู้สินเชื่อบ้านสุดเทพ ประสบการณ์การตรวจบ้าน และไอเดียตกแต่งบ้านงาม ๆ 

          สำหรับคนที่อยากสร้างครอบครัว หรือใฝ่ฝันอยากมีบ้านเดี่ยวในอนาคต วันนี้กระปุกดอทคอมมีประสบการณ์การซื้อบ้านเดี่ยวราคาประหยัดของ คุณ BoomBasic สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก แม้บ้านเดี่ยวจะอยู่แถบปริมณฑลแต่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เขาได้ยื่นกู้กับหลายธนาคารด้วยข้อเสนอที่กำหนดเอง รวมทั้งหาบริษัทตรวจบ้านและแต่งบ้านเดี่ยว ด้วยตัวเองภายในเวลาเดือนเดียว ใครอยากมีบ้านเดี่ยวสักหลังลองมาเก็บเกี่ยวข้อมูลที่น่ารู้ต่าง ๆ กันเลยค่ะ

 

รีวิวซื้อบ้านเดี่ยว 50 ตร.ว. 3.6 ล้าน ตั้งแต่ยื่นกู้จนตกแต่งเสร็จ โดย คุณ BoomBasic สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิวซื้อบ้านเดี่ยว 50 ตร.ว. 3.6 ล้าน ตั้งแต่ยื่นกู้ จนตกแต่งเสร็จ

 

          เริ่มแรกเราตั้งใจว่าจะหาบ้านเดี่ยวสัก 50 ตารางวา ไม่ไกลจาก กทม. แถบปริมณฑล (จริงอยากได้ในเขต กทม. แต่สู้ราคาบ้านเดี่ยวใน กทม. ไม่ไหวจริง ๆ) โดยเราตั้งงบไว้ที่ 4 ล้านครับ เราเลยตระเวนหาบ้านกันจนมาเจอกับหมู่บ้านหนึ่งซึ่งเราถูกใจ เลยจัดการจองไป 5,000 บาท แต่สุดท้ายก็ต้องทิ้งเงินจองครับ เนื่องจากสภาพบ้านและส่วนกลางที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย และเมื่อกลับมาทบทวนดูรีวิวแล้ว เราเลยไม่กล้าไปต่อ (ยอมทิ้งเงินจอง 5,000 เพราะกลัวปวดหัวทีหลัง)

 

          หลังจากที่ผิดหวังที่แรกไปเราเลยค่อย ๆ ดูที่อื่นต่อ แบบไม่รีบร้อนเหมือนเดิมครับ และเราก็มาถูกใจเข้ากับโครงการหนึ่งที่บ้านสร้างเสร็จแล้ว 100% และใกล้จะปิดโครงการเนื่องจากเหลือบ้านที่จะขายเพียงแค่ไม่กี่หลัง โดยหลังจากที่ดูบ้านเสร็จเรากลับมาดูรีวิวโครงการอย่างละเอียดอีกครั้ง และพบว่าค่อนข้างโอเค เลยตัดสินใจจองบ้านหลังนี้ไป 20,000 บาทครับ


          – บรรยากาศตอนขับรถเข้ามาในหมู่บ้านสะอาดสะอ้านมีแต่สีเขียวเต็มไปหมดครับ

 

          – เป็นบ้าน 50 ตารางวา ไม่ไกลจาก กทม. แถบปริมณฑล ราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทตามที่ตั้งใจไว้เลยครับ โดยเราตกลงราคาสุดท้ายกับ Sale ไว้ที่ 3.65 ล้านบาทครับ โดยของแถมที่เราได้ตามด้านล่าง

          เราต่อรองเพิ่มจนได้แถมเพิ่มมาคือ

 

  1.          ตู้เย็นระบบ Inverter 9.1 คิว 1 เครื่อง

 

  1.          Voucher เงินสดห้าง C…… อีก 10,000 บาท

 

          ในส่วนของแอร์ที่แถมเราต่อรองได้เป็นเงินสด 45,000 บาท เพื่อเอามาติดแอร์เอง เนื่องจากทางโครงการแถมเป็นแอร์ระบบธรรมดาครับ ไม่ใช่ Inverter

 

          *****หลักการต่อรองคือเอาของแถม หรือ Promotion ที่เราได้จากโครงการอื่นไปคุยกับ Sale ครับ อย่างเช่นเงินจองที่ผมทิ้งไป บางโครงการ Sale ยอมให้เงินจองคืน 5,000 เพื่อใช้ซื้อบ้านกับเค้าก็มี โดยส่วนมากเงินจองพวกนี้จะถูกเอาไปหักกับราคาบ้านอีกทีครับ*****

 

          หลังจากจองเสร็จ Sale ก็จะยื่นกู้ธนาคารหลาย ๆ ธนาคารให้เรา สุดท้ายเราได้ดอกเบี้ย Fixed 2.8% 3 ปีแรกครับ ปีต่อไปเป็นแบบ Float MRR-2 ในส่วนวิธีการที่จะได้ดอกเบี้ย Rate พิเศษมีหลายปัจจัย ทั้งรายได้, อาชีพ, สถานที่ทำงาน, Developer บ้านที่เราจะซื้อบ้านด้วย (ยิ่งเป็นเบอร์ต้น ๆ ในวงการก็จะได้ Rate ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่บ้านในขนาด และ Location เดียวกันก็จะแพงกว่า Developer ทั่ว ๆ ไปเช่นกัน) โดยส่วนตัวผมใช้วิธีการนี้ครับ ผมจะยื่นใบ Rate ดอกเบี้ยต่าง ๆ ที่ผมต้องการให้ Sale โครงการไปยื่นให้กับทุกธนาคารที่เค้าจะไปยื่นเรื่องกู้ให้ รายละเอียดตามด้านล่าง

          ใบนี้จะถูกยื่นไปทุกธนาคารครับ จากนั้นธนาคารก็จะติดต่อกลับมาหาเราเพื่อต่อรอง สุดท้ายก็ได้ดอกเบี้ยที่ 2.8% 3 ปีแรกครับ ส่วนปีที่ 4 ผมไม่ค่อยดูอะไรเท่าไร (ปีที่ 4 แต่ละธนาคารไม่ค่อยแตกต่างครับ ปัจจุบันจะเป็น MRR, MLR, MOR-X จะอยู่ที่ประมาณ 5.X%) ปีที่ 4 ที่ไม่ค่อยดูอะไรเท่าไร เพราะหลัง 3 ปี จะมีวิธีเจรจาลดดอกเบี้ยอยู่ 2 แบบ

 

          – แบบแรกคือการ Re-finance ไปแบงก์อื่น อันนี้ได้ดอกต่ำกว่าเดิม แต่จะเสียค่าจดจำนองใหม่เอง ประมาณ 1% ของราคาบ้าน เช่น บ้าน 4 ล้านก็เสียค่าจดจำนองเอง 4 หมื่น รวมทั้งเสียค่าธรรมเนียมธนาคารเพิ่ม (ถ้าไม่เสียค่าจดจำนองเอง ส่วนมากจะติดสัญญากู้ 5 ปีครับ หรือไม่ก็ได้ดอกแพง ลองคิดดูแล้วจ่ายค่าจดจำนองเอง ถูกกว่าที่ต้องจ่ายดอกเพิ่มให้ Bank เพื่อเอาค่าจดจำนองฟรีเยอะครับ)

 

          – แบบที่สอง เรียกว่า Retention คือขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม แบบนี้ไม่เสียค่าจดจำนอง เพราะเราต้องการอยู่ธนาคารเดิม และไม่เสียค่าธรรมเนียมธนาคารใหม่

 

          สองวิธีด้านบนถ้าเรามีประวัติผ่อนชำระดีใน 3 ปีแรก ปัจจุบันที่คุยกับธนาคารที่ผมเลือก ถ้าเข้าไปเจรจาดอกปีที่ 4 จะอยู่ที่ 3.X% เท่านั้น แต่ถ้าไม่ไปเจรจาปล่อยไปเรื่อย ๆ กับธนาคารเดิมปัจจุบันอย่างที่บอกครับ ส่วนมากดอกหลัง 3 ปีแรกจะเป็น MRR, MLR, MOR-X อยู่ที่ประมาณ 5.X% อันนี้แล้วแต่วิธีการเลือกของแต่ละคนครับ (ลองดูรีวิวดี ๆ ก่อนเลือกธนาคารนะครับ บางธนาคารดอกถูกจริง แต่รีวิวคนอื่น ๆ บอกว่าขอลดดอกเบี้ยยากมาก อันนี้ก็ต้องลองตัดสินใจดูครับ) ในส่วนของประกันสินเชื่อ MRTA ผมเลือกทำนะครับ เพราะถ้าเราเป็นอะไรไปจะไม่ต้องเป็นภาระคนข้างหลัง ในส่วนของการเลือกซื้อประกันนี้ต้องดูดี ๆ ครับ

          – โดยราคาของประกันชนิดนี้จะขึ้นอยู่กับ เพศ, อายุ, ทุนประกัน, ระยะเวลาความคุ้มครอง และระยะเวลากู้ครับ ตอนแรกธนาคารใส่ระยะเวลาความคุ้มครองให้ผม 30 ปี ผลคำนวณออกมาผมต้องจ่ายเบี้ยประกันตรงนี้เยอะมาก ผมเลยขอลดระยะเวลาความคุ้มครองเหลือ 10 ปีพอ (เนื่องจากคำนวณแล้วถ้าโปะบ้านทุก ๆ ปี จะผ่อนหมดประมาณ 10 ปี ฉะนั้นเวลาคุ้มครองผมเลยเอาแค่ 10 ปีพอ) ที่สำคัญที่ต้องดูอีกอย่างคือจำนวนเงินเอาประกันที่ลดลงครับ (Highlighted สีแดง) จากประสบการณ์บางธนาคารที่เสนอขาย MRTA ใช้ข้อมูล เพศ, อายุ, ทุนประกัน, ระยะเวลาความคุ้มครอง และระยะเวลากู้ เท่ากันกับอีกธนาคาร โดยมีราคาเบี้ยที่ต้องจ่ายพอ ๆ กัน แต่กลับให้ความคุ้มครองเงินเอาประกันที่ลดลงในแต่ละปีน้อยกว่ามาก เช่น ธนาคารหนึ่งให้ความคุ้มครองปีที่ 10 ปี 2 ล้าน แต่อีกธนาคารให้เหลือแค่ 1 ล้านต้น ๆ ทั้งที่เบี้ยประกันพอ ๆ กัน อันนี้ต้องดูดี ๆ ครับ ผมลองเปรียบเทียบมาแล้ว เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาจริง ๆ คนข้างหลังก็ต้องหาเงินมาจ่ายเองอีกมากครับ

          – หลังจากที่ยื่นกู้ เราก็ต้องมาเริ่มตรวจบ้านกันครับ ผมเลือกบริษัทรับตรวจบ้าน เนื่องจากระบบในบ้านเยอะมาก น้ำ+ไฟ+ท่อ+โครงสร้าง+หลังคา ดูแล้วตรวจเองไม่มีทางไหว ใช้เวลานาน และคงตรวจเองได้ไม่ครบทุกจุด ถ้าตรวจเจอ Defect ใหญ่ ๆ ผมกะจะทิ้งใบจองไปเลย ยอมทิ้งเงินหมื่น ดีกว่าปวดหัวซ่อมบ้านจมอยู่กับเงินเป็นล้าน ๆ นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกใช้บริการบริษัทรับตรวจบ้านครับ

          – ตรวจสอบ Leak ที่ขอบหน้าต่าง

          – แล้วก็เจอจริง ๆ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ถ้าติดวอลเปเปอร์ราขึ้นเละแน่นอนครับ

          – ตรวจ Leak บริเวณพื้นห้องน้ำ และระเบียงชั้น 2



          – สิ่งที่เราเห็นบ้านตอนที่เราจองเราคิดว่าบ้านสมบูรณ์ดีพร้อมอยู่ แต่หลังจากบริษัทมาตรวจพบ Defect ใหญ่ ๆ ไม่มาก และเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมกันตั้ง 200 กว่าจุดครับ ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ ๆ หลังจากตรวจเสร็จบ้านก็กลายเป็นอีสุกอีใสด้วยจุด ๆ สติ๊กเกอร์ของบริษัทเต็มไปหมด


          – หลังจากที่ตรวจแล้วบริษัทก็จะส่งรายงานกลับมาให้เราเอาไปให้กับวิศวกรควบคุมโครงการทำการแก้ไขครับ เราโชคดีมากครับ วิศวกรที่นี่ตามแก้ไขงานตามลิสต์ได้รวดเร็วมาก ๆ เราจึงเข้าปรับปรุง และเข้าแต่งบ้านได้เร็ว

          – ไปซื้อของกันเลย เริ่มแรกเราซื้อของออนไลน์มากองไว้ที่บ้านเดิมก่อนครับ ร้านค้าออนไลน์ลดราคาบ่อยมาก ทำให้เราลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้เยอะ


          – บางอย่างก็ซื้อมาประกอบเองครับ


          – หลังจากนั้นก็เดินห้างกันต่อ เพื่อทำให้เกิดไอเดียแต่งบ้านครับ เราเลย Copy ชุดนี้ไปแต่งบ้านเราเลย

 

          – ระหว่างรอของเราก็ซื้อแอร์ Inverter มาติด แล้วค่อยติดวอลเปเปอร์ต่อ

 

          วอลเปเปอร์ถ้าจะติดอย่าเลือกแบบกระดาษ ให้เลือกแบบไวนิลที่เช็ดล้างได้นะครับ แล้วที่สำคัญคือลองดมกลิ่นวอลเปเปอร์ในหนังสือแบบดูว่ากลิ่นแรงหรือเปล่า ผมติดแล้วต้องลอกติดใหม่ไปแล้ว เพราะกลิ่นมันค่อนข้างแรง อันนี้ประสบการณ์ตรงครับ

          – จากนั้นซื้อของมาก็เริ่มเอามาประกอบครับ บางอย่างเราจ้างประกอบ เช่น ตู้เสื้อผ้า ประกอบเองคงใช้เวลาเป็นเดือน ๆ


          – จากนั้นก็ประกอบของลงของไปเรื่อย ๆ

          – บางอย่างก็ใช้ เอ๊ย ! รบกวนแม่บ้านให้ช่วยประกอบครับ

          – แม่บ้านบ้านนี้ถึกมาก ๆ ครับ ลงมือยาแนวเอง

 

          ด้านล่างเป็นภาพก่อนแต่งบ้านครับ

          อันนี้เป็นภาพหลังจากที่แต่งบ้านแล้วเสร็จครับ

          สรุปเราใช้เวลาแค่ 1 เดือนตั้งแต่โอนบ้านจนแต่งบ้านเสร็จ และเข้าอยู่ได้เลยครับ สุดท้ายผมหวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองไม่มากก็น้อยนะครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ BoomBasic สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

 

 

รีวิวซื้อบ้านเดี่ยว 50 ตร.ว. ราคา 3.6 ล้าน ตั้งแต่ยื่นกู้จนตกแต่งเสร็จ
Exit mobile version